วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

บทที่ ๒ ประวัติศาสตร์การท่องเที่ยวจากยุคเริ่มต้นถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒



การท่องเที่ยวตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีเพียงสิ่งหนึ่งที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง คือ การจัดให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกแก่นักเดินทาง ที่พัก อาหาร มัคคุเทศน์ ร้านขายของที่ระลึก แต่ต่างกันเพียง มาตรฐานและความสะดวกสบายที่ปัจจุบันมีมากกว่าสมัยก่อน

การท่องเที่ยวในยุคกลาง (ค.ศ. ๕๐๐- ๑๕๐๐)

เป็นยุคที่ถนนหนทางถูกปล่อยให้ทรุดโทรม เศรษฐกิจกิจตกต่ำ แต่ศาสนาจักรโรมันคาทอลิคยังเป็นศูนย์รวมของสังคม การเดินทางมีความยากลำบาก และอันตรายมากขึ้น ทำให้ผู้คนเดินทางในระยะสั้นๆไม่ไกลจากบ้านนัก เริ่มมีวันหยุดโดยทางศาสนาเป็นผู้กำหนดวันเวลาที่หยุดพักผ่อน ให้กับผู้ที่ศรัทธาในศาสนา

คนชั้นสูงและคนชั้นกลางจะเดินทางเพื่อการแสวงบุญ เป็นการเดินทางที่ไกลขึ้นกว่าเดิม แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในยุคกลางนัั้นคือ โจรที่คอยดักปล้นนักเดินทาง มัคคุเทศก์จึงต้องมีน่าที่นำเที่ยวและปกป้องนักเดินทางด้วย ทำให้ได้รับค่าจ้างที่สูง

การเดินทางเพื่อการแสวงบุญมีความบันเทิงและการเฉลิมฉลองควบคู่กัน ทำให้เกิดการบริการด้านอาหารและที่พักเกิดขึ้น นักแสวงบุญหลายคนชอบสะสมของที่ระลึกเพื่อแสดงถึงความสำเร็จของการเดินทาง
ผลของการเดินทางเพื่อจารึกแสวงบุญมีประเด็นสำคัญ ๓ ข้อ คือ
๑. มีเป้าหมายของการเดินทางที่เด่นชัด
๒. ผลของการเดินทางมีความสำคัญทางด้านจิตใจ เพราะเป็นเหตุการณ์สำคัญของชีวิต
๓. ผู้แสวงบุญต้องการให้คนอื่นเห็นของที่ระลึก ซึ่งเป็นความสำเร็จของการเดินทาง

การพัฒนาการคมนาคมทางถนนในคริสตศตวรรษที่ ๑๗ - ต้นศตวรรษที่ ๑๙

ก่อนศตวรรษที่ ๑๖ คนที่ต้องการเดินทางสามารถทำได้ ๓ วิธี คือ
๑. การเดินเท้า เป็นวิธีของคนจน
๒. การขี่ม้า
๓. การใช้เสลี่ยง โดยมีคนรับใช้เป็นผู้แบกซึ่งเป็นวิธีของคนชั้นสูงเท่านั้น หรือใช้เกวียนเทียมด้วยม้า

ซึ่งเกิดการพัฒนารถม้า ๔ ล้อที่มีระบบสะเทือนด้วยสปริง นับเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่ ได้ประดิษฐ์รถที่เมือง Kocs ในประเทสฮังการี ศตวรรษที่ ๑๕ และต้นศตวรรษที่ ๑๗ (ค.ศ.๑๕๐๕) ได้มีการวิ่งบริการในประเทศอังกฤษในต้นศตวรรษที่ ๑๗ เป็นประจำทุกวัน ระหว่างกรุงลอนดอนถึงอ๊อกฟอร์ด ต่อมาจึงเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายทั้งทวีปยุโรป

ในศตวรรษที่ ๑๘ มีระบบทางด่วนที่ผู้โดยสารต้องจ่ายค่าผ่านทาง ซึ่งต่อมามีการปรับปรุงระบบกันสะเทือนที่เป็นโลหะให้สบายมากขึ้น รถม้าเทียมมีส่วนช่วยในการพัฒนา การเดินทางในอาณานิคมของทวีปอเมริกาเหนือด้วย วิ่งระหว่างบอสตันและนิวยอร์คในปี ค.ศ. ๑๗๘๐

ประมาณ ค.ศ. ๑๘๑๕ ถนนหนทางในยุโรปดีขึ้น หลุมบ่อลดน้อยลงเนื่องจากค้นพบยางมะตอย ทำให้การเดินทางเร็วขึ้น มีรถสาธารณะที่เรียกว่า Charabanc ครั้งแรกในปี ค.ศ.๑๘๓๒

การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวประเภทที่อาบน้ำแร่ (Spa)

เกิดขึ้นครั้งแรกในยุคโรมัน โดยเชื่อกันว่ามีคุณสมบัติทางยาแต่ความนิยมได้ลดลงไปในยุคหลังๆ จนมาถึงยุคกลางในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ จึงกลับมานิยมขึ้นใหม่ในประเทศอังกฤษและเมืองใหญ่ๆบางแห่ง

การเดินทางไปบำบัดด้วยน้ำแร่กลายมาเป็นสถานภาพทางสังคมอย่างรวดเร็ว ทำให้บรรดาสถานบำบัดทั้งหลายเปลี่ยนเป็นสถานที่เพื่อความเพลิดเพลิน ทำให้เมือง Bath กลายเป็นเมืองหรูของคนชั้นสูง เป็นศูนย์กลางของแฟชั่นชั้นสูง บ่อน้ำแร่จึงเปลี่ยนเป็นเมืองพักผ่อนตากอากาศที่มีห้องน้ำพุร้อน

กำเนิดยุคสถานที่ตากอากาศชายทะเล

การอาบน้ำทะเลเริ่มเป็นที่นิยมในอังกฤษ สมัยฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ ในสมัยนั้น ผู้คนจะอาบทั้งเสื้อผ้า เพราะการถอดเสื้อผ้าว่ายน้ำขัดกับจารีต การอาบน้ำทะเลเริ่มต้นจากสาเหตุด้านสุขภาพ การอาบน้ำทะเลจะทำให้สุขภาพดี เริ่มเป็นที่ยอมรับในต้นศตวรรษที่ ๑๘

การขยายตัวของการท่องเที่ยวในศตวรรษที่ ๒๐

การท่องเที่ยวในยุคนี้มีการพัฒนามากขึ้น เนื่องจากความสะดวกสบายในการเดินทาง เอกสารในการเดินทาง ที่พักแรม เงินที่ใช้ในการเดินทางมีมากขึ้นกว่าทุกๆยุค หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ผู้คนเริ่มออกเดินทางเพื่อชมสถานที่สำคัญทางสงคราม เดินทางด้วยรถยนต์ เพราะมีการปรับปรุงถนนหนทาง การเดินทางด้วยรถไฟลดน้อยลง ริเริ่มใช้เครื่องบินในการเดินทาง ซึ่งเริ่มประดิษฐ์เพื่อการขนส่ง ในยุโรป ปี ค.ศ. ๑๙๑๙ หลังจากนั้นจึงใช้เครื่องบินในการโดยสาร

ที่มา : เอกสารคำสอนวิชา อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

1 ความคิดเห็น:

  1. หาปิ่นโตไม่เจอก็ไปยืมที่วัดหลักสี่ หลวงตาดีมีแยะ!ถ้าเป็นบทความเรื่องบันทึกของปินโต หาได้จากDPULSSครับคุณนายขวัญธิพรรณ

    อ.พิทยะ

    ตอบลบ